เมืองออนเซนธรรมชาติและสวนผลไม้เก็บได้ตลอดทั้งปี ถ้ามีเวลาบอกเลยว่าสามวันสองคืนน่าจะกำลังสวย~
แต่ด้วยที่เวลาจำกัด หนึ่งวันก็เอานะ เริ่มออกตัวจากโตเกียวก็สายแล้วแต่เราทำเวลา จบมิชชั่นที่อยากไปได้เหมือนกัน
เป้าหมายหลักคือ ออนเซน ขี่จักรยาน เก็บผลไม้ เอาแค่นี้พอสำหรับหนึ่งวัน
เริ่มต้นจากการซื้อคันโต พาสของนักท่องเที่ยวเลยราคาเพียง 8,300เยนใช้ได้สามวัน สามารถใช้ชินกังเซนได้ด้วย
ปลายทางของเราคือสถานี Jomokogen Station ก็นั่งจาก UENO ไปชั่วโมงนิดๆก็ถึงแล้ว
(JR KANTO AREA PASS : http://www.jp-rail-th.com/guidebook/guide-jr-kanto-area-pass/)
ออกมาจากสถานีตรงที่ขึ้นแท็กซี่และรถบัสจะมีศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวเมืองอยู่ค่ะ
ก็เดินเข้าไปถามเลยว่า “อยากเก็บผลไม้ค่ะ ตอนนี้มีผลไม้อะไรบ้างคะ” จริงๆหามาอยู่แล้วว่าจะมาเก็บเชอรี่~แต่ไหนๆก็ถามแล้วเผื่อมีผลไม้อย่างอื่นด้วย และก็ถามด้วยว่าสวนผลไม้ไหนเปิดให้บริการอยู่ ควรเช็คก่อนนะเพราะบางสวนไม่ได้เปิดให้บริการตลอด
เข้าไปเนียนพูดภาษาอังกฤษค่ะ เจ้าหน้าที่ตอบกลับภาษาอังกฤษได้ดีเลยอุ่นใจได้นะคะ
แล้วก็ให้เอกสารมาเยอะแยะเลย
ถ้าใครอยากเดินทางมาลงที่สถานีมินาคามิ (Minakami Station) เลยก็ได้ค่ะแต่ต้องนั่ง Local Train น้องเหน่งน้องแกะมาเรื่อยๆ ไม่รีบก็กินลมชมวิวไปได้สองชั่วโมงกว่าๆ “แต่เรารีบ” เลยนั่งชินกังเซนมาลงที่ Jomokogen Station เลย
ถ้าลงที่ Minakami Station จะมีร้านค้าหลายร้านอยู่เดินเล่นรอรถบัสกันได้ แล้วยังมีรถไฟหัวจักร SL มาจอดที่นี่ด้วยค่ะ
บรรยากาศที่สถานีมินาคามิ (Minakami Station)
ขนมขึ้นชื่อของที่นี่คือ nama-dorayaki หรือขนมโดรายากิไส้ต่างๆค่ะ เดินผ่านตู้แล้วอยากซื้อหมดทุกรชชาติ
ได้ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวเมืองแล้ว ก็ไปที่สวนที่เค้าแนะนำเลยค่ะ ชื่อสวน “Dole Land Minakami”
วันนี้เปิดให้บริการและได้ตารางรถบัสมาด้วย เขียนเป็นภาษาอังกฤษ มีบอกราคาค่าแท็กซี่โดยประมาณให้ด้วยค่ะ ถ้าไม่อยากรอบัสก็เรียกใช้แท็กซี่ได้เลย ลงจากบัสต้องเดินเข้าสวนอีกหน่อยราวๆ 15นาที เดินไปกินวิวไปค่ะ
มาถึงก็เจอป้าย DOLE ตัวเบอเร่อเลย คนที่ญี่ปุ่นจะคุ้นเคยกับชื่อนี้ค่ะ
เพราะตาม supermarket ก็มีกล้วยและผลไม้อื่นๆจากที่นี่มาขาย
เข้าไปด้านในมีร้านขนม ไอศกรีม และร้านอาหารบาร์บีคิวกับมุมขายของที่ระลึกซื้อกลับบ้านด้วย
เดินเข้าไปในสวน กว้างมากกกกกกค่ะ แค่วิ่งเล่นในสวนก็เหนื่อยแล้ว
ผ่านสวนแอปเปิ้ล ลูกพีช บ๊วย สาลี่ญี่ปุ่นผลไม้เยอะมากๆจนไปถึงสวนเชอรี่
ผลไม้ที่นี่เก็บได้เกือบทั้งปีเลย!
มาถึงทางเข้าด้านก็ร้อง หูวววววว เลยหละ ไม่คิดว่าเชอรี่จะออกลูกเยอะได้ขนาดนี้
มองเห็นเชอรี่สองสีก็นึกว่าเป็นเชอรี่ญี่ปุ่นสีชมพูแดงกับอเมริกันเชอรี่ออกสีม่วงๆ แต่คนที่สวนบอกว่าไม่ใช่ค่ะ
เป็นเชอรี่ญี่ปุ่นสองสายพันธุ์เลย ชื่อ beni-sayaka กับ beni-shuho ก็กินหมดหละหวาน อร่อยมากๆ บางทีไปเก็บโดนลูกเปรี้ยวก็มีนะ เพราะมันยังไม่สุกดี~
ที่ปูพลาสติกไว้ไม่ได้เอาไว้ให้นั่งนะคะ พอดีกิ่งนี้ลูกดกย้อยลงมาเกือบถึงพื้นเลยไปนั่งถ่ายรูปด้วย
แต่ละกิ่งลูกดกเยอะแยะละลานตามากๆ เลือกเก็บไม่ถูกเลย
จบไปหนึ่งมิชชั่นที่ตั้งใจมาแล้ว ต่อไปก่อนพระอาทิตย์ตกดินไปขี่จักรยานกันดีกว่า
บัสจากสถานี Jomokogen Station มาลงที่นี่ได้เลยทางเข้าด้านหน้าเมืองเก่า แหล่งงานฝีมือและศิลปะของคนเมืองนี้ แล้วยังมีที่ให้ทดลองทำงานฝีมือต่างๆเยอะมาก และมีบริการเช่ารถจักรยานด้วย
น่าเสียดายที่เรามาช้าไปนิดเดียวววววว เพราะเมืองนี้จะเริ่มปิดร้านกันตอน 4โมงเย็น
ตอนมาถึงก็เงียบไปหมดเมืองแล้ว ได้แต่เดินเก็บภาพบ้านกับวิวแถวๆนี้
จักรยานให้เช่าราคาก็ถูกด้วยไม่จำกัดเวลา แค่เอามาคืนก่อน 4 โมงก็พอ เป็นจักรยานไฟฟ้าด้วยจะได้ช่วยลดความเหนื่อยในการปั่น
นอกจากจะวิวดีน่าเดินเล่นหรือปั่นจักรยานเล่นแล้ว คาเฟ่แถวนี้เป็นที่ร้านน่ารักมาก บางที่ก็เป็นบ้านคนญี่ปุ่นเดิมๆเลยมาทำเป็นร้านกาแฟกับขนม ระหว่างทางนับร้านกาแฟคาเฟ่ได้หลายร้านเลย
นอกจากร้านกาแฟ ร้านขนมแล้ว บ้านแต่ละหลังก็ยังเป็นบ้านของเหล่าผู้มีฝีมือในงานศิลปะแขนงต่างๆอีกด้วยเยอะมาก ยังไม่รวมถึงบางบ้านที่เปิดให้เข้าไปทดลองทำได้เอง เช่น ทำหัวบุก (คอนยัก) ทำเทียน ฯลฯ
ที่นี่ก็มีเก็บผลไม้ได้เช่นกันนะคะ เดินไปดูสวนผลไม้มามีหลายฟาร์มหลายสวนเลยหละ จะสะดวกมากเพราะสามารถนั่งบัสจากสถานี Jomokogen Station มาลงก็ถึงเลย
มิชชั่นต่อไปที่ต้องทำเวลากันหน่อย เพราะเรามีเวลาวันเดียวแต่เราไม่รีบเที่ยวแบบให้เหนื่อยจนเกินไป
มาเที่ยวต้องได้เหมือนมาพักผ่อน ไม่ใช่เที่ยวแล้วกลับไปเหนื่อย
ดังนั้นท้ายทริปนี้ต้องปิดด้วยการแช่ออนเซน ที่เมืองออนเซนชั้นดีแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติแท้ๆและมีชื่อเสียงติดอันดับต้นๆในประเทศญี่ปุ่น
หลายคนยังนึกไม่ถึงออนเซนของจังหวัดกุนมะ (ยกเว้น Kusatsu Onsen) อยู่ไม่ไกลจากโตเกียวน่าจะเป็นอีกทางเลือกที่ดีเลยค่ะ เมืองนี้มาแล้วต้องมาอีกเพราะเรายังไม่ได้ไปเรียวกังออนเซนแบบแช่รวมชายหญิง!! มรดกโลกแห่งใหม่สุดของประเทศญี่ปุ่น มีอะไรดีๆซ่อนอยู่เยอะนะคะ
มื้อเย็นของเราเป็นที่โรงแรมนี้ค่ะ Tatsumikan http://www.tatsumikan.com
ก่อนไปทานมื้อเย็นเราก็ไปแช่ออนเซนให้สบายตัวก่อน ห้องนี้เปิดหน้าต่างแล้วเห็นลำธารกับต้นโมมิจิ ถ้าเป็นฤดูใบไม้ร่วงคงจะสวยมากๆ
ออนเซนที่นี่มีศิลปะกระเบื้องในห้องอาบน้ำด้วย (ตอนนี้เป็นห้องอาบน้ำหญิง แต่ละเรียวกังจะสลับออนเซนกันตามเวลา ดังนั้นเวลาอื่นห้องนี้ก็จะเป็นห้องอาบน้ำชาย ทุกคนก็จะได้เห็นศิลปะของห้องอาบน้ำเหมือนกัน)
สวยจริงๆนะ เพราะศิลปะในห้องอาบน้ำแบบนี้กำลังจะหายไปจากวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นแล้วหละ
(ดีจริงที่เอามือถือไปด้วย ตอน 6โมงเย็นยังไม่มีใครลงมาแช่น้ำเลยก็ขออนุญาตทางเรียวกังสักหนึ่งภาพตรงนี้)
มื้อเย็นเป็นอาหารญี่ปุ่นแต่ก็ไม่ใช่แบบไคเซกิซะทีเดียว ทำให้ทานง่ายกว่า
หลากหลายเต็มคอร์สมาก แต่ชอบสุดก็ปลาอายุย่างนี่หละค่ะ ปกติต้องหาทานเอาตามงานเทศกาลในญี่ปุ่น
เตาย่างก็ทำให้มีกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวดีค่ะ ปิ้งปลา ย่างเนื้อ ต้มอุด้ง เพลินๆ
นี่กิจกรรมแบบวันเดียวไปกลับ โตเกียว-กุนมะ นะคะ
ถ้ามีเวลาจริงๆอยากให้ใช้เวลาสัก 2-3วัน แช่ออนเซนสักสองคืน มีกิจกรรมอย่างอื่นอีกเพียบเลย เช่น บันจี้จัมพ์ ปั่นจักรยาน พายเรือ ล่องแก่ง เก็บผลไม้ ……
ไม่ไกลจากโตเกียวลองไปเที่ยวกันดูได้ค่ะ