โรงแรมนี้เหมาะสำหรับคนเดินทางที่ต้องออกเดินทางจากสนามบินนาริตะในเที่ยวบินตอนเช้า เนื่องจากตั้งอยู่ในสนามบินเลย ไม่ต้องนั่งรถไฟเสียเวลาเดินทาง หรือ ไฟล์ทที่เช้ามากรถไฟมาสนามบินยังไม่เปิดให้บริการ (ส่วนมากคนจะพักโรงแรมที่อยู่รอบๆสนามบินกัน) คราวนี้เรามาทดลองนอนพักโรงแรมตู้หรือเรียกว่า แคปซูลกันดูดีกว่า
เนื่องด้วยวันพรุ่งนี้เราต้องบินไปฟุคุโอกะ (คิวชู) ในตอนเช้า เที่ยวบิน 7โมงเช้าเลย ซึ่งรถจาก Nippori แถวบ้านไม่ทันใจ และไม่อยากตื่นเช้ามาก จึงเลือกมาพักที่สนามบินนาริตะ โรงแรมแคปซูลแห่งนี้เพิ่งเปิดให้บริการไม่นาน ยังไม่เอี่ยม กิ๊ง และสะอาดมาก
ในแต่ละวันโรงแรมจะมีโปรโมชั่นค่ะ ห้องละ 3,900เยน เพียง 8-10ห้อง นอกนั้นจะราคาต่างกันแล้วก็ walk in ราคา 4,900เยน (ตอนแรกงงว่า ก็เป็นตู้นอนเหมือนกันทำไมต้องตั้งราคาต่างกัน facilities ทุกอย่างเหมือนกันหมด แต่พอมาพักก็เข้าใจแล้วว่า ตำแหน่งของห้องมีผลต่อราคา)
ป้ายมาโรงแรมนี้มีบอกตลอดทาง หาไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย เพราะป้ายไม่โดดเด่นเท่าไหร่นัก อยู่ Narita Terminal 2 ฝั่งเคาเตอร์ chk-in ของสายการบิน Skymark/Jetstar/… หรือหา Arrival ทางออก A ก็ได้โรงแรมอยู่ชั้นบน
เดินตามทาง ตามป้ายไปเรื่อยๆ โรงแรมจะหลบอยู่ด้านในๆหน่อย เดินมาจะเงียบๆไม่ต้องห่วงว่าจะมาผิดทาง
เดี๋ยวก็เจอทางเข้าโรงแรมแบบนี้
เปิดประตูเข้ามาก็เจอกับ reception เลยแจ้งชื่อที่จองไว้
เรามา chk-in เร็วด้วยเลยมีห้องให้เลือกพนักงานจะถามว่า “อยากได้ห้องชั้นบนหรือชั้นล่างคะ”
*ตรงนี้แนะนำว่า บันไดขึ้นชั้นบนชันมาก ไม่เหมาะสำหรับคนขาหรือเข่าไม่ดี แล้วก็คนซุ่มซ่ามค่ะ เพราะตกลงมาง่ายมาก ขาขึ้นพอไหวขาลง ลงยากมากค่ะ ถึงแม้ว่าหลายคนจะชอบชั้นบนก็ตาม”
เราก็เลือกชั้นบน … ไม่เอาอีกแล้ว
ทางซ้ายห้องพักผู้ชาย ทางขวาห้องพักผู้หญิง
-ห้ามอาหารและเครื่องดื่ม
-ห้ามสัตว์เลี้ยง
-ห้ามคุยโทรศัพท์
-ห้ามสูบบุหรี่
chk-in เสร็จแล้วเราจะได้ถุงแบบนี้ ด้านในมี “ชุดนอน ผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก/ใหญ่ แปรงสีฟันและรองเท้าสลิบเปอร์” พร้อมกับกุญแจ Locker (ถ้าทำหายปรับ 5,000เยน) Free wifi ใช้ได้สบายๆ เน็ตเร็ว (Blog ตอนนี้ก็ใช้ Free wifi ของที่นี่ ลื่นหัวทิ่มโหลดรูปไวสุดๆ)
ตอนเข้ามาตกใจเล็กน้อย เหมือนเล่นเกมต้องผ่านแต่ละด่านกว่าจะไปถึงตู้นอน ~
เพราะจะแบ่งเป็นห้องๆ เปิดประตูไปก็เป็นอีกห้องตาม step ที่เค้าแจ้งมาคือ
check in > shower > sleep ซึ่งแต่ละห้องก็เรียงกันไปเป็นแถวยาวๆแล้วถูกปิดด้วยประตูแยกกันเป็นสัดเป็นส่วน
ของทุกอย่างเอาใส่ locker ได้หมดกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ก็ได้ ตู้กว้างมากมีสองชั้นและมีไม้แขวนเสื้อกับถาดวางรองเท้าให้ด้วย ตั้งแต่ห้อง locker เป็นต้นไปต้องถอดรองเท้าแล้วใส่รองเท้าสลิบเปอร์ที่เค้าให้มาอยู่ในถุง
ดูแผนผังเมืองเค้าสิ 55~
มีไดร์เป่าผมให้ค่ะ แชมพู ยาสระผม ครีมนวด กระดาษทิชชู่สำหรับเช็ดหน้า เช็ดมือ ห้องน้ำหลายห้อง ห้องอาบน้ำก็หลายห้อง
อาบน้ำเก็บของเรียบร้อยก็เข้าตู้อบได้เลย เป็นห้องนอนที่กว้างกว่าที่คิดไว้ เข้าไปพลิกตัวได้ซ้ายขวา ความยาวเหลือเฟือ คนตัวยาว 2เมตรก็ไม่น่าจะมีปัญหา ตรงฝั่งบนหัวนอนมีปลั๊กให้หนึ่งจุด ปุ่มปรับแสงไฟและเสียงทะเลกล่อมก่อนนอนสบายๆ (ปิดได้นะ ^^;)
เอาปลั๊กหลายตามาเสียบเพิ่มก็มีหลายรูละ แคตโตะนี่นะอุปกรณ์ในกระเป๋าเดินทางครบทุกสิ่งสรรพ ~~
แคตโตะมา Chk-in เร็วตั้งแต่หกโมงยังไม่มีคนเข้าพักเลย พอเข้ามานอนได้สักพักก็เจอกับสิ่งที่น่ารำคาญมากคือ คนที่มาพักถ่ายรูปกันแบบไม่เกรงใจ เสียงชัดเตอร์ดังจากกล้อง DSLR เสียงจากมือถือก็มีบ้างแต่ทีสองทีก็เงียบ กับบางคนเดินใส่รองเท้าส้นสูงเดินเข้ามา เสียงมันก้องและดังมากเพราะในห้องนอนมันเงียบที่สุด ต้องเปลี่ยนรองเท้าตั้งแต่ห้อง Locker นะคะ (เค้าถึงบังคับให้ใส่รองเท้าสลิบเปอร์ของเค้า มันไม่มีเสียงหนวกหูและสะอาด คนนอนตู้ล่างคือเกือบติดพื้น)
นักท่องเที่ยวไทยก็ควรเป็นนักท่องเที่ยวมีคุณภาพเนาะ ~ ถ้ามาพักที่นี่ต้องลดเสียงและเกรงใจกันมากๆนะคะ
Pingback: 【SAGA】ทริป 5วัน 4คืน : เทศกาลบอลลูนนานาชาติ/คะระสึกุนจิ/เมืองเซรามิกระดับโลกอะริตะและอิมาริ/โร
Pingback: แนะนำที่พักแนวใหม่คอนเซปต์เฟิร์สคลาสบนเครื่องบิน: First Cabin (Namba) ราคาสบายกระเป๋าทำเลดีสะดวก | redlovet
Pingback: First Cabin Haneda Airport : โรงแรมแคปซูล “เฟิร์ส เคบิน” สนามบินฮาเนดะ – RED LOVE TREE