โรงแรมคราวนี้ที่จะมาแนะนำกันนั้นอยู่โตเกียว ย่านที่รวมความอินเทรนด์ทุกอย่างไว้ที่นี่เลยคือ “ชิบุย่า” เดินทางสะดวกมาก เที่ยวได้ถึงดึกเดินกลับโรงแรม นอนสบาย โรงแรมนี้สมัยเรียนเราเคยมางานปัจฉิมนิเทศด้วยนะคอลเลจเราใช้โรงแรมนี้เป็นที่จัดงาน ได้กลับมาอีกครั้งก็ปรับเปลี่ยนไปเยอะ
ที่ตั้งโรงแรมนะ เอามาจากเวบของโรงแรมอีกที
เดี๋ยวเราจะแนะนำห้องพักของเราก่อน เป็นประเภท King Room (คือห้องประเภทนี้ดูจากเวบไซด์โรงแรมที่หลังแล้ว เห็นว่าแบ่งเป็นอีกหลายแบบเลยอ่ะ Room type )
เป็นห้อง King Room ที่ให้พักคนเดียวได้ เตียงเลยกว้างขวางนอนกลิ้งสบาย
ในห้องมีเครื่องฟอกอากาศเครื่องทำไอน้ำ และที่สำคัญมีน้ำดื่มให้สองขวดด้วยนะ (เมื่อก่อนโรงแรมญี่ปุ่นไม่ค่อยมีน้ำดื่มไว้ให้ เพราะน้ำก๊อกดื่มได้น่ะ) มีมินิบาร์เต็มตู้ แต่เสียเงิน
พื้นที่ในห้องกว้างมาก จะเปิดกระเป๋าตรงไหนก็ได้ ไม่เหมือนโรงแรมประหยัดงบที่จะเปิดกระเป๋าต้องเอาไว้บนเตียง
ชอบตรงโต๊ะทำงาน ที่มีวิวมุมสูงสวยๆ มองเห็นวิวไกลๆ และก็แยกส่วนจากตรงโซฟา คืออีกคนจะทำงาน จะดูทีวีก็ไม่เบียดบังกัน ข้อดีของห้องกว้างสินะ
เราชอบห้องอาบน้ำของโรงแรมนี้มากกก มีอ่างที่ไม่ยาวแบบของตะวันตก และไม่ลึกมากแบบของคนญี่ปุ่น ยืดขาได้สบายพอดีๆและไม่ต้องนอนยาวแบบฝรั่ง วิวดีอีกแล้ว
Amenity Set มาเป็นชุดใหญ่ อลังการเลย จำไม่ได้ว่าใช่ของ L’OCCITANE รึเปล่า
แต่ห้องที่ผู้หญิงเข้าพัก จะมีเซ็ทพิเศษเพิ่มให้อีกด้วยเป็นพวกคลีนซิ่ง โฟมล้างหน้า โลชั่น อันนี้ของ MARGARET JOSEFIN (ไม่ได้ใช้เอากลับมา 555)
เค้ามีเอกสารแผ่นพับแนะนำการท่องเที่ยวชิบุย่าไว้ให้ด้วย
หลังจากเช็คอินบ่ายสอง พอมีเวลาก่อนมื้อเย็น เราไปลุยย่านกาแฟหรือ Coffee Town ที่ย่านเดิมสมัยเรียนหนังสือเพื่อเก็บข้อมูลมาทำหนังสือเล่มใหม่ เดินทางจากโรงแรมนี้ไปหนึ่งสถานี (รีวิวย่านกาแฟ จะมีใน blog ตอนถัดไปนะ)
เรากลับมาทานมื้อเย็นที่โรงแรม เป็นดินเนอร์ง่ายๆ เมนูมีให้เลือกไม่เยอะถ้าจะเอาเป็นคอร์ส (แต่มีเมนูแยกอย่างอื่นด้วยนะ)
ของเราเป็นอาหารญี่ปุ่น เป็นเมนูที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล
ตกใจ เพราะมาเป็นกล่องเลย อลังการอีกแล้วจ้าา
ไม่ต้องตื่นเต้นมากก็ได้นะ เปิดออกมามีความกุ๊กกิ๊กน่ารักสไตล์คนญี่ปุ่นอีกตามเคย คำสองคำ ปลาแซลมอนม้วนมากับไข่คำนี้อร่อยยยย ของทอดนั่นก็อร่อยแต่ซุปคล้ายแกงเขียวหวาน กินไม่เป็น ฮ่าๆ
ต่อไปมาจานหลัก นี่ก็ตกใจรอบสองอีกเพราะมาเป็นถาดเลย แต่ด้วยความหิวเห็นครั้งแรกปริมาณเท่านี้ไม่พอเราหรอก เอาเข้าจริงอิ่มเลยเหมือนกันนะ
อร่อยเด็ดสุดในถาดนี้ยกให้หอยเชลล์อ่ะ แต่เนื้อเสต็กก็อร่อยไม่แพ้กันนะ ส่วนในหม้อไฟเป็นปลาเนื้อขาวย่างราดซอส
เมนูอื่นๆที่สั่งได้เพิ่มเป็น อา‘ ลาคาร์ท เช่น แซนวิชง่ายๆ (ดูง่ายๆ แต่อร่อยนะฮะ)
ส่วนของหวานในคอร์สนี้มาแบบต้องร้อง หูววววว กล่องสวยมาก ตอนพนักงานมาเสิร์ฟคือแบบควันพวยพุ่งเป็นดรายไอซ์อ่ะ แล้วพนักงานก็เปิดออกมาควันท่วมเป็นขนมที่เห็นอย่างในรูป
เชอร์เบทรสเชอรี่ อันกลางไม่แนวเราอ่ะออกครีมๆเหมือนเต้าหู้ แต่อันซ้ายอร่อยมาก
สรุปโรงแรมนี้นะ นอกจากห้องอาบน้ำที่ถูกใจ คิดว่าห้องอาหารนี่หละชนะเลิศจริงๆ
ไม่มาพักก็มากินข้าวกันได้ เคยมาซื้อเค้กซากุระ ช่วงฤดูใบไม้ผลิเพราะแถวโรงแรมด้านหลังมีถนนชมซากุระ ตอนบานเต็มที่แถวนี้ก็สวยเหมือนกัน เค้าทำเค้กซากุระออกมาขายด้วย
(จำไม่ได้ว่ามีรูปอยู่ไหม จะหามาแปะไว้ให้นะ)
เวบไซด์โรงแรม (English) : https://www.ceruleantower-hotel.com/en/