เช้านี้เราตื่นเช้ากันหน่อย เพื่อที่จะไปตลาดอะซะอิจิ จริงแล้วก็คือตลาดสดบ้านเรานี่เอง
โรงแรมที่เราพักไม่ไกลจากตลาดและสถานีรถไฟเลย เดินมา 2-3 นาทีก็ถึงตลาดเช้าแล้ว
Hakodate Asaichi ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีฮะโกะดะเตะ มีร้านค้ามากกว่า 200 ร้าน จำหน่ายอาหารรสเลิศจากฮะโกะดะเตะ เช่น สินค้าจากทะเล ผัก ผลไม้ ของหวาน และชินมิ (อาหารทะเลแปรรูป)
นักท่องเที่ยวเยอะเหมือนกับตลาดอื่นๆ ในเมืองอื่นที่มีอะซะอิจิเหมือนกัน
วันนี้เราทานมื้อเช้ากันด้วยของหนักเลย และ เป็นของขึ้นชื่อเมื่อพูดถึง “ฮอกไกโด”
คือ อิคุระ เนื้อปู และ อุนิ
ชื่อร้านก็ตามนี้เลย ร้านอุนิด้ง (มุระคะมิ) มีเมนูให้เลือกหลายอย่าง สำหรับคนทานปลาดิบไม่ได้ก็เลือกสั่งปลาย่างก็ได้
พิกัดร้าน うに屋 むらかみ
ภายในตลาดไม่ต่างจากตลาดปลาที่เราเคยเห็นๆกัน ไปเดินเล่นกันนิดหน่อย
แวะกินเมลอนฉ่ำๆและเดินทางต่อไปที่อื่นกันค่ะ
ตัวใหญ่มากกกก
วันนี้เราขับรถออกนอกเมืองฮะโกะดะเตะ ไปเมืองใกล้ๆกันค่ะ เรียกว่า เอซะชิ (Esashi)
เราไปดูวิวเมืองนี้ รีสอร์ทและรถไฟสายท้องถิ่นกัน
เมืองเอะซะชิเป็นเมืองท่าที่รุ่งเรืองจากการทำประมงปลาเฮอร์ริงตั้งแต่ยุคซามุไร บ้านเรือนที่เรียงรายตามถนนปรากฏในแบบเดียวกับที่เคยเป็นในอดีต เดือนสิงหาคม ทั้งเมืองจะร่วมกันจัดงานเทศกาลที่มีมาอย่างต่อเนื่องตลอด 360 ปี โดยมีขบวนแห่รถลากดะชิที่ตกแต่งอย่างหรูหราไปตามท้องถนนในเมือง เอะซะชิตั้งอยู่ห่างจากฮะโกะดะเตะประมาณสองชั่วโมงโดยทางรถไฟหรือรถบัส
เราไปกันที่เกาะคะโมะเมะ (Kamome-Jima) หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า เกาะนกนางนวล
เป็นเกาะเล็กๆที่มีพื้นที่ไม่กว้าง แต่เดินตามทางไปบนเกาะแล้ว วิวที่มองเห็นสวยมาก
เวบไซด์หลักของ เกาะคะโมะเมะ
ห่างจากเกาะคะโมะเมะไปไม่ไกล มีร้านค้าร้านอาหาร บรรยากาศที่เมืองเอะซะชิ เงียบสงบ ถ้าใครคิดว่าฮะโกะดะเตะเงียบแล้ว ที่นี่เรียกว่า นิ่ง สงบเลยหละค่ะ
แน่นอนว่ายังเป็นเมืองที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากสักเท่าไหร่ สำหรับใครที่อยากไปเที่ยวเมืองแบบนี้ที่นี่เหมาะกับการมาพักผ่อนอีกที่นึงค่ะ
ไปทานโซบะร้านที่ลงหนังสือมิชลินของฮอกไกโดกันก่อนเดินทางรอบบ่าย
พิกัดร้าน やまげん
เอะซะชิเป็น เมืองเล็กน่ารักๆ ไปแล้วอาจจะบอกว่าดูเหงาๆ แต่ก็เหมาะกับการพักผ่อนอย่างที่เราบอกไม่วุ่นวายในเมือง
เราแวะกันที่ร้านขนมปังบ้านๆ ซึ่งด้านในเป็นแกลอรี่แสดงผลงานและประวัติของเมืองเอะซะชิด้วย
ระหว่างทางขับรถเราก็แวะไปเรื่อยๆค่ะ มีสวนสนที่ปลูกเรียงรายกัน
จอดลงไปถ่ายรูปกันอีก พอขับไปเรื่อยๆด้านในจะเป็นโบสถ์คริสต์
ก่อนจะขับกลับไปรีสอร์ท ลองมองไปด้านหลังอีกที
รีสอร์ทที่เราแนะนำ อาจจะไม่ได้สะดวกสบายมากนักสำหรับการเดินทางมา เหมาะกับคนที่เช่ารถขับมาเองมากกว่า
แต่แนวความคิดของรีสอร์ทและดีไซน์ของที่นี่ทำให้เราสนใจที่จะมา ESASHI Ryotei KUKI
แนวคิด ECOLOGY คือการไม่เพิ่มขยะให้กับสังคมและใช้วัตถุดิบทุกอย่างสำหรับการทำอาหารจากฟาร์มของตัวเองและผลผลิตจากพ่อค้าแม่ค้าในระแวกใกล้เคียงกับรีสอร์ท ทำให้รีสอร์ทนี้เป็นรีสอร์ทที่เป็นมิตรกับธรรมชาติและชุมชนท้องถิ่นค่ะ
รีสอร์ทที่มีออนเซนภายในตัว ความเงียบสงบทำให้ได้ยินเสียงทะเลกระทบฝั่งใกล้ๆ
มุมทำงาน มุมอ่านหนังสือแต่ละจุดในห้อง ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
สำหรับคนที่ต้องใช้สมาธิในการทำงาน รีสอร์ทและออนเซนแห่งนี้น่าจะเหมาะกับการเปลี่ยนบรรยากาศทำงานสักครั้ง
ออนเซนภายในห้องส่วนตัว กับวิวเรียบๆให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
ห้องอาหารที่นี่ตกแต่งต่างกันทั้งหมด มีความเป็นส่วนตัวด้วยค่ะ
เหมือนนั่งทานข้าวที่บ้านมากกว่าอยู่ร้านอาหาร
blog ตอนหน้าจะขับรถพากลับเมืองฮะโกะดะเตะ เที่ยวชิตะมะจิ และพาไปชมรีสอร์ทของมาดามทะจิคะวะ
ซึ่งปัจจุบันเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ เปิดเป็นร้านกาแฟลักษณะการตกแต่งภายในสมัยอดีต website
เที่ยวเมืองฮะโกะดะเตะ : ศาลาประชาคมฮะโกะดะเตะเดิม และ ย่านโมะโตะมะจิ
(Kyu-Hakodateku-Kokaido & Motomachi) ที่นี่ http://redlovetree.com/hakodate-kokaido-motomachi-hokkaido/
เที่ยวเมืองฮะโกะดะเตะ : Kanemori-Akarenga โกดังอิฐแดงคะเนะโมะริ
ที่นี่ http://redlovetree.com/hakodate-kanemori-akarenka-hokkaido/
Pingback: เที่ยวเมืองฮะโกะดะเตะ : ศาลาประชาคมฮะโกะดะเตะเดิม และ ย่านโมะโตะมะจิ (Kyu-Hakodateku-Kokaido & Motomachi) | redlovetree
Pingback: เที่ยวเมืองฮะโกะดะเตะ : Kanemori-Akarenga โกดังอิฐแดงคะเนะโมะริ | redlovetree