วันศุกร์ที่ผ่านมามีสอนพิเศษนักเรียนตัวต่อตัว แต่กลายเป็นคลาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่อง “ผู้ชาย” ไปซะแล้ว ครึ่งค่อนชั่วโมง
นักเรียนเป็นผู้หญิงสาววัยรุ่น ที่กำลังจะเดินทางไปเที่ยวประเทศไทยอาทิตย์นี้ค่ะ ด้วยวัยที่ไม่ไกลกัน (คิดไปเอง อาจจะไกลกันมากเลยก็ได้ ^^;) นักเรียนจึงมักจะถามอะไรมาตรงๆบ่อยๆ ทั้งเรื่องที่น่าฟังและไม่น่าฟัง แต่ก็ตอบได้ในสิ่งที่ตอบได้
“เซนเซ คิดว่า ผู้ชายไทยหรือผู้ชายญี่ปุ่นดีกว่ากันคะ” นี่มันไม่ใช่คำถามที่โดนถามครั้งแรกหรอก
ถ้าให้นับต้องบอกว่า นับครั้งไม่ได้เลยที่ถูกถามแบบนี้ ทั้งในฐานะเพื่อน หรือ ฐานะครู … แล้วเราก็คิดว่าสาวๆคนไทยที่อยู่ที่ญี่ปุ่น ต้องเคยถูกถามอย่างน้อยคนละครั้งนั่นแหละ
เราตอบเหมือนไม่ต้องคิดเลย “ผู้ชายไทยดีกว่าค่ะ ในความคิดเห็นของแคตโตะนะ”
คุณนักเรียนบอกว่า ดิฉันก็คิดว่า ผู้ชายไทยดีกว่าค่ะ
เราคิดว่าผู้หญิงญี่ปุ่นร้อยละเก้าสิบ น่าจะตอบแบบนี้เช่นกัน
ถามว่าผู้ชายญี่ปุ่นไม่ดีเหรอ ไม่ใช่ไม่ดีนะ …
กรณีแบบนี้เอามาเหมารวมไม่ได้
*** เป็นที่คนไม่ใช่เชื้อชาติ ผู้ชายญี่ปุ่นดีๆก็มีเยอะ และ ในทางกลับกัน ผู้ชายไทยแย่ๆก็มีมากเช่นกัน
เราเลยบอกไปว่า ผู้ชายไทยเค้าว่ากันว่า “เจ้าชู้นะ” ชอบเหรอคะ
นักเรียน : เซนเซ~(เสียงลากยาวมากเลย) ผู้ชายญี่ปุ่นก็เจ้าชู้ และคิดว่ามากด้วย และอาจจะรุนแรงกว่าผู้ชายไทย
แคตโตะ : ?!?! มันรุนแรงกว่ายังไงคะ
นักเรียน : เซนเซ คิดว่า Play Boy คนญี่ปุ่นมีผู้หญิงกี่คนเหรอคะ เค้ามีเป็นร้อยๆคน ถ้าคนแต่งงานแล้ว ยิ่งแล้วใหญ่การมีเมียน้อย หรือ เที่ยวผู้หญิงก็มีเพิ่มมากขึ้นกว่าตอนยังโสดด้วย
แคตโตะ : หืมมม ~ ผู้ชายไทยก็เจ้าชู้ แต่ไม่รู้ปริมาณค่ะ การมีน้อยมีเยอะ ในสังคมไทยหลังแต่งงาน ถือเป็นเรื่องที่ให้อภัยกันได้ยากนะคะ หลายคู่ก็จบลงด้วยการหย่า ที่ญี่ปุ่นเป็นเหมือนกันใช่มั้ย
นักเรียน : ไม่เหมือนทั้งหมด (คือไม่เหมือนซะทีเดียวน่ะ) ส่วนมากภรรยารู้ว่าสามีมีเมียน้อยหรือเที่ยวผู้หญิง ก็ทนค่ะ เพราะผู้หญิงญี่ปุ่นหลายคนพอแต่งงานแล้ว ลาออกจากงานมาดูแลบ้านดูแลครอบครัว ทำให้ไม่สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ แต่ คนที่ทนไม่ได้ก็มี แยกทางกันแต่ก็ยังน้อย อาจจะเป็นสาเหตุนี้ด้วย
แคตโตะ : ผู้หญิงไทยสมัยนี้เก่งค่ะและมีความมั่นใจมากกว่าเมื่อก่อน จำนวนผู้หญิงโสดก็มีมากขึ้นทั่วโลก รวมผู้หญิงโตเกียวด้วยค่ะ
นักเรียน : เซนเซ เคยได้ยินข่าวว่า “ผู้ชายญี่ปุ่นอยู่ในกลุ่มที่มี sex น้อยที่สุดในโลกมั้ยคะ”
แคตโตะ : อืมมมม ~*
นักเรียน : เค้าวัดจากอัตราการเกิดของเด็ก เด็กญี่ปุ่นน้อยลงก็บอกว่ามี sex น้อยลง ซึ่งไม่จริงค่ะ
ผู้ชายญี่ปุ่นก็มี sex มากเป็นปกติ และเป็น sex ที่ไม่ใช่กับคู่ตัวเองก็มาก จึงไม่มีการให้กำเนิดเด็ก เซนเซแล้ว HIV ที่เมืองไทยหละคะ
แคตโตะ : ก็มีค่ะ แต่ก็มีการรณรงค์ให้ควบคุมจำนวนไม่ให้เพิ่มขึ้น
นักเรียน : เซนเซ คนญี่ปุ่นไปเที่ยวผู้หญิงไทย ไม่ชอบใส่ถุงยางแล้วผู้หญิงไทยก็ยอมด้วย ผู้ชายญี่ปุ่นบอกว่า สวรรค์เลยค่ะ (คือแปลมาตรงๆเลย นักเรียนใช้คำว่า เทนโคะคุ แปลว่า สวรรค์”) ทำไมผู้หญิงไทยไม่กลัว HIV เหรอคะ
แคตโตะ : เอ่ออออ … (นิ่งไปแป๊บ ซวยตรูละ ตอบไม่ถูกเลย) ใครๆก็กลัวค่ะ HIV แต่ผู้หญิงบางคนก็ทำเพื่อบางอย่างหรือเปล่าคะ อันนี้เซนเซก็ไม่รู้ค่ะ
นักเรียน : เซนเซ ระวังผู้ชายญี่ปุ่นมากๆนะคะ เพื่อนดิฉันที่ทำงานหลายคนไม่มีคนไหนไม่เจ้าชู้ ไม่เที่ยวโสเภณีเลยค่ะ
(นี่นักเรียนพูดเองเลย โสเภณี สงสัยไปเปิดพจนานุกรมมา)
แคตโตะ : โอเค ฟังดูแล้ว ผู้ชายไทยดูดีขึ้นมาเยอะเลยค่ะ เซนเซยังไม่เคยเจอเพื่อนผู้ชายใกล้ตัวที่ไม่ดีขนาดนั้น งั้นเซนเซ ยืนยันเหมือนเดิมว่า “ผู้ชายไทยใจดี และ เจ้าชู้ค่ะ”
เพราะความใจดีของผู้ชายไทย ที่ทำอะไรๆให้ผู้หญิงทั้งที่ไม่ใช่แฟนหรือคนรัก
ผู้หญิงบางคนก็ใจอ่อน หวั่นไหว ทีนี้หละไปกันใหญ่ จากไม่คิดอะไร ดูแลเทคแคร์กันไปสักพักก็กระเจิง …
…. เรามาเรียนในหนังสือกันต่อค่ะ วันนี้เรียนเรื่องเวลาของไทย
จะมีทำไมเยอะแยะ ตี โมงเช้า โมงเย็น บ่าย ทุ่ม … สงสารนักเรียนต้องจำ
เพราะคนไทยเรื่องเวลานี่เป๊ะ! (โครดประชด) …