การท่องเที่ยวญี่ปุ่นมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งที่เดินทางเที่ยวด้วยรถไฟ การเช่ารถขับท่องเที่ยว และอีกหนึ่งวิธีการท่องเที่ยวที่จะทำให้สะดวกสบายมากขึ้น และเหมาะกับในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมากคือ “เช่าเหมาแท็กซี่นำเที่ยว” เนื่องจากสถานการณ์โควิด หลายคนอยากหลีกเลี่ยงความหนาแน่นบนรถไฟ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการเสี่ยงติด และอาจจะไม่สะดวกที่จะเช่ารถขับเที่ยวเอง การเช่าแท็กซี่เพื่อการท่องเที่ยว นั้นเป็นอีกทางที่เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ
การท่องเที่ยวในโตเกียว หลายคนคุ้นเคยกับการเดินทางด้วยรถไฟเพราะมีความสะดวกสบาย และเส้นทางครอบคลุมทั่วถึง แต่การเดินทางไปแต่ละสถานที่นั้น อาจใช้เวลาในการเดินทางนาน รวมถึงต้องเผื่อเวลาหลังจากลงรถไฟ ที่ต้องเดินไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
ในโตเกียว มีบริการแท็กซี่เหมาทั้งวัน จะรับส่งเราไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ พร้อมกับพนักงานขับรถที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ นอกจากขับรถพาเราไปเที่ยวแล้ว ยังสามารถแนะนำอธิบายความสำคัญของสถานที่ต่างๆได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
วันนี้เรามาเที่ยวโตเกียวด้วยการเช่าแท็กซี่หนึ่งวันกันค่ะ ประเภทหรือรุ่นของรถแท็กซี่ จะปรับเปลี่ยนตามจำนวนคนนะคะ ถ้าอย่างคันที่เราใช้วันนี้เป็น Alphad สามารถนั่งได้มากถึง 7 คนเหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ หรือนักท่องเที่ยวที่มีสัมภาระเยอะ อาทิ กระเป๋าเดินทาง รถเข็นเด็กหรือวีลแชร์ สามารถเลือกใช้รถแท็กซี่คันใหญ่ได้เลย
*เนื่องจากราคาเป็นราคาเหมา คิดราคาตามเส้นทาง ขึ้นอยู่กับโปรแกรมเที่ยวและขนาดรถ จำนวนกี่คนก็ตาม – ราคาไม่เปลี่ยนแปลงค่ะ
(รถขนาดใหญ่ 7 ที่นั่ง จะใช้บริการแค่ 2 คนหรือ 7 คนเต็มทุกที่นั่ง ราคาไม่เปลี่ยนแปลง)
เส้นทางที่เราเลือกไปกันวันนี้เป็นคอร์สแบบ 7 ชั่วโมง ไปสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมาตลอด
เริ่มจากพระราชวังอิมพีเรียล บริเวณสะพานแว่นตาหรือนิจูบาชิ – ชิบูย่า – อาซากุสะ – โตเกียวสกายทรี
ซึ่งแต่ละสถานที่ พนักงานขับรถจะพาเราลงไปเดินเล่นและคอยให้คำแนะนำต่างๆด้วยค่ะ จอดรถใกล้กับสถานที่นั้นๆ ลดระยะทางในการเดิน ทำให้มีเวลาเที่ยวแต่ละที่มากขึ้น
สถานที่แรกที่เราไปเที่ยวกัน คือ Kokyo Gaien National Garden บริเวณนี้เป็นสวนรอบนอกของพระราชวังอิมพีเรียล จากที่จอดรถเราจะเดินผ่านอนุสาวรีย์ของซามุไร “Masashige Kusunoki” ผู้ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อสถาบันพระจักรพรรดิญี่ปุ่น
หลังจากนั้นเดินผ่านถนนเส้นใหญ่ เพื่อไปตรงสะพานนิจูบะชิ ตรงนี้มีสะพานอยู่สองแห่ง ตั้งซ้อนกันเรียงตัวอยู่ สะพานครึ่งวงกลมที่อยู่ด้านหน้าเมื่อสะท้อนกับน้ำเสมือนแว่นตา คนจึงเรียกว่าสะพานแว่นตา
พระราชวังอิมพีเรียลได้รับการสร้างขึ้นมาใหม่ หลังจากได้รับความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันนี้เราสามารถจองทัวร์ล่วงหน้าได้ทางเวบไซด์ เพื่อเข้าชมบางส่วนของด้านในพระราชวังได้ โดยจะมีไกด์เฉพาะทางนำเที่ยวและพาเดินชมค่ะ
หลังจากถ่ายรูปที่พระราชวังเสร็จเรียบร้อย เราไปชิบุย่ากันต่อด้วยรถแท็กซี่ ซึ่งใช้เวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้น รถจอดไม่ไกลจากห้าแยกชิบุย่าหรือ Scramble Crossing หรือหลายคนรู้จักกันในชื่อ ห้าแยกชิบุย่า ที่มีคนนับพันคนข้ามถนนพร้อมกันที่แยกนี้ และยังมีตึกอาคารสูงหลายแห่ง รวมไปถึงแลนด์มาร์กหลัก อาทิ ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ที่อยู่ตึกเดียวกับ Tsutaya ซึ่งปรากฎอยู่ในอะนิเมชั่นของญี่ปุ่นด้วย
ได้ถ่ายรูปกับหมาฮาจิโกะจากเรื่องเล่าหมาผู้ซื้อสัตย์ต่อเจ้าของจนวันตาย
ที่ชิบุย่าคนค่อนข้างเยอะ เราเดินข้ามถนนไปยังถนน Spain-zaka มีบรรยากาศตกแต่งคล้ายกับเสปน ว่ากันว่าผู้สร้างถนนแห่งนี้ชื่นชอบประเทศเสปนนั่นเอง มีร้านอาหารนานาชาติอยู่หลายร้านเลยค่ะ
หลังจากนั้นเดินเล่นกันไปที่แลนด์มาร์กชิบุย่าที่เปิดในปี 2020 Miyashita Park สวนสาธารณะมิยะชิตะ ที่สามารถพักผ่อนได้ มีร้านกาแฟ จุดนั่งพักสบายๆและมีแลนด์มาร์กใหม่บนนี้ด้วย คือ “Doraemon’s door to the future” เป็นรูปปั้นสีทองของโดราเอมอนและเพื่อนๆ เป็นคาเรกเตอร์จากผลงานของอาจารย์ ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ พร้อมกับประตูไปที่ไหนก็ได้
เรามาเที่ยวชิบุย่า อยากเดินเล่นเองก็สามารถบอกพนักงานขับรถได้ค่ะ ว่าอยากใช้เวลาตรงไหนมากเป็นพิเศษ เราอาจจะซื้อของ ทานข้าวที่นี่แล้วค่อยนัดเวลากลับรถ หรือให้พนักงานขับรถมารอรับเราที่จุดนัดพบเพื่อพาไปขึ้นรถก็ได้นะคะ
ขากลับจากชิบุย่าเพื่อไปขึ้นรถเราผ่าน Nonbei Yokocho ตรงนี้บรรยากาศกลางคืนน่าจะคึกคักมากค่ะ เป็นร้านอาหารสไตล์อิซากายะ ค่ำๆมานั่งดื่มหรือทานอาหารแบบคนท้องถิ่นได้ที่นี่
หลังจากเที่ยวชิบุย่าแล้วที่ต่อไปคือ อาซากุสะ เมื่อมาถึงโตเกียวก็ต้องแวะมาให้ได้ เราใช้แท็กซี่เดินทางใช้เวลาแค่ 25 นาทีเองค่ะ รถแท็กซี่จอดตรงทางเข้าวัดเซนโซจิให้เลย
ระหว่างการเดินทางชาร์ตแบตโทรศัพท์มือถือในรถได้ด้วยนะคะและบนรถมีเครื่องฟอกอากาศด้วยค่ะ
ที่วัดเซนโซจิเราไปไหว้พระทำบุญ ที่นี่มี “พระโพธิสัตว์คันนน” ที่หลายคนศรัทธานับถือและต่างเดินทางมาเพื่อสักการะ จากทางเข้าด้านหน้าวัดไฮไลท์อีกอย่างของวัดคือ โคมแดง ตรงประตู “คะมินาริมง” ที่มีน้ำหนักมากถึง 700 กิโลกรัม ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัทพานาโซนิค
ผ่านถนนนากามิเสะ ก่อนที่จะไปถึงกระถางธูปใหญ่ตรงลานกว้างด้านหน้าอาคารหลัก ซึ่งหลายคนเชื่อว่าการอาบควันธูป จะช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปได้ และอีกหนึ่งที่ได้รับความนิยม คือ การเสี่ยงเซียมซี หรือ “โอมิคุจิ” ของวัดเซนโซจิ จะมีจุดให้เซียมซีหลายจุดมาก
แล้วเดินซื้อของที่ถนนนากามิเสะ ซึ่งที่นี่มีร้านค้าเรียงรายตลอดสองทางเดิน ของฝากพวก magnet ที่ติดตู้เย็น ขนม พัดญี่ปุ่นหรือตุ๊กตาแมวกวัก ร้านขนมที่ซื้อแล้วทานที่นี่เลย แต่ที่นี่ขอความร่วมมือไม่เดินไปทานไป เพราะคนเยอะแล้วถังขยะไม่มี ถ้าทานเสร็จแล้วนำไปฝากทิ้งที่ร้านที่เราซื้อมาได้นะคะ
ระหว่างทางเดินถนนนากามิเสะ จะมีจุดที่เราสามารถมองเห็นโตเกียว สกายทรีจากระยะไกลได้ด้วยค่ะ แนะนำให้ถ่ายรูปหอคอยจากที่นี่ได้เลย ก่อนที่เราจะไปชมวิวกันที่โตเกียว สกายทรีในโปรแกรมต่อไป
มื้อกลางวันเราทานกันที่อาซากุสะ ย่านนี้อาหารที่ได้รับความนิยม จะเป็นพวกร้านเทมปุระและร้านข้าวหน้าปลาไหลหรืออุด้ง โซบะก็มีค่ะ
ก่อนจะไปถึงสถานที่สุดท้ายของวันคือ Tokyo Skytree อยู่ไม่ไกลจากวัดเซนโซจิ รถแท็กซี่ไปจอดที่จอดรถในอาคาร เราเดินเข้าไปตรงเคาเตอร์เพื่อรอรับตั๋วได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาไปต่อคิวซื้อตั๋ว เพราะทางบริษัทรถแท็กซี่ได้ทำการจองไว้ให้เราเรียบร้อยแล้วค่ะ
วันนี้เราจะขึ้นไปชมวิวกันถึงชั้นสูงสุดที่ความสูง 450 เมตรเลย
โตเกียว สกายทรี เป็นหอส่งสัญญาณที่ปัจจุบันนี้สูงที่สุดในโลก ที่ความสูง 634 เมตร เราสามารถขึ้นไปชมวิวได้ที่ระดับความสูง 350 เมตร และ 450 เมตร มีค่าบริการต่างกัน
ลิฟท์ของโตเกียว สกายทรีนั้นจุคนได้มากสุด 40 คนจากชั้น 4 ทางเข้าไปจนถึงจุดชมวิวนั้นใช้เวลาแค่ 50 วินาทีเท่านั้นเอง มีลิฟท์ทั้งหมด 4 ตัว
เราจะสามารถชมวิวเมืองโตเกียวได้ในมุมสูง ระยะไกลเลย ในวันอากาศดีจะมองเห็นภูเขาฟูจิได้ชัดด้วย
ชั้น 350 เมตรมีคาเฟ่และร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก
ตอนนี้ที่ชั้น 350 เมตรมีโครงการ 「W1SH RIBBON」 ด้วยค่ะ เป็นโครงการที่ให้คนมาเขียนอธิฐานที่ริบบิ้นแล้วนำไปผูกไว้ที่ที่จัดให้ เพื่อสื่อถึง “การก้าวข้ามสิ่งที่ไม่ดีที่เกิดขึ้น เพื่อนำเราไปสู่อนาคตที่สดใส”
หอคอยโตเกียว สกายทรี สูงเป็นอันดับ 1 ของโลก ณ ตอนนี้ คำว่า Wish จึงเขียนเป็น W1SH เพื่อให้ทุกคนรู้สึกถึงความเป็นอันดับหนึ่ง หลายคนมาเขียนคำอธิฐานเพื่อขอให้ตัวเองเป็นที่หนึ่ง ตรงนี้เลยกลายเป็น Power Spot ที่อยู่จุดสูงสุดของโลก หลังจากที่เก็บริบบิ้นอธิษฐานแล้วจะนำไปทำพิธีต่อที่ศาลเจ้าคะชิม่า จังหวัดอิบารากิต่อไป
โปรแกรมที่เราเลือกมาในวันนี้เริ่มเดินทางตั้งแต่ 09:45 จุดนัดพบที่สถานีโตเกียว ตรงจุดนัดพบพนักงานขับรถจะถือป้ายชื่อเราให้เห็นชัดๆเลย ไม่หลงแน่นอน และจบคอร์สการเดินทางทั้งหมดเวลา 17:00 กลับมาส่งที่สถานีโตเกียวแบบตรงเวลามากค่ะ
การเที่ยวโตเกียวในอีกรูปแบบหนึ่งที่เราอยากแนะนำ มีข้อดีหลายอย่าง เช่น ประหยัดเวลาการเดินทาง ต่อรถไฟ ระยะทางการเดิน เพิ่มความสะดวกสบาย สำหรับใครสายช้อปซื้อของเยอะ เอาของมาวางเก็บไว้ที่รถ สะดวกมากเลยค่ะ และยังเหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กเล็กกับผู้สูงอายุอีกด้วยนะคะ โดยเฉพาะลดความเสี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับคนอื่นๆ ความหนาแน่นบนรถไฟ
ในส่วนของราคานั้นขึ้นอยู่กับโปรแกรมเส้นทางที่จะไปและขนาดรถค่ะ คอร์สระยะสั้นแบบ 3 ขั่วโมงก็มีนะคะ มีบริษัทรถแท็กซี่ให้บริการพาเที่ยวแบบนี้อยู่หลายบริษัทเลย สามารถดูโปรแกรมต่างๆและเลือกการจองรถแท็กซี่ได้จากเวบไซด์นี้นะคะ
Tokyo Sightseeing TAXI
https://www.taxi-tokyo.or.jp/english/kanko_taxi/index.html
#PR記事 #東京都 #タイアップ #東京 #タクシー #観光タクシー